f
title
แขวงทางหลวงสงขลาที่ 1
SONGKHLA1 HIGHWAY DISTRICT
วิสัยทัศน์ : พัฒนา บำรุงรักษาทางหลวง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยและสวยงาม
 
ข่าวสารทางหลวง
title
กรมทางหลวง สรุปอุบัติเหตุบนทางหลวงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบอุบัติเหตุลดลง 25% สาเหตุหลักขับเร็วเกินกฎหมายกำหนด

กรมทางหลวง สรุปอุบัติเหตุบนทางหลวงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบอุบัติเหตุลดลง 25% สาเหตุหลักขับเร็วเกินกฎหมายกำหนดกรมทางหลวง โดยสำนักอำนวยความปลอดภัย ได้สรุปรายงานข้อมูลอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศประจำ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 จากการรายงานอุบัติเหตุทางระบบ HAIMS พบว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นบนทางหลวงในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จำนวน 1,033 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 177 คน ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 856 คน จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุ 1,555 คัน เป็นเหตุให้ทรัพย์สินของกรมทางหลวงเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2565 จำนวนอุบัติเหตุลดลงจากปีที่ผ่านมา 25% ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 16% บาดเจ็บลดลง 8% จำนวนรถที่เกิดอุบัติเหตุลดลง 23% ซึ่งสาเหตุหลักการเกิดอุบัติเหตุมาจากผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด 67% (695 ครั้ง) รองลงมาได้แก่ หลับใน 7% (77 ครั้ง)การตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 7% (76 ครั้ง) และ ยางรถยนต์ชำรุด 3% (32 ครั้ง)สำหรับอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรง 61% (633 ครั้ง) ทางโค้ง 12% (119 ครั้ง) และทางแยกระดับเดียวกัน 10% (101 ครั้ง) ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่ ได้แก่ รถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ 37% (583 คัน) รถยนต์นั่ง 24% (371 คัน) รถจักรยานยนต์ 12% (190 คัน) และรถบรรทุกมากกว่า 10 ล้อ (รถพ่วง) 11% (177 คัน) ซึ่งหากจำแนกตามภาคของการเกิดอุบัติเหตุพบว่าเส้นทางในภาคเหนือเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 24% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20% และ กรุงเทพและปริมณฑล 17% นอกจากนี้ ทางหลวงที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ทางหลวงหมายเลข 7 แขวงคลองสองต้นนุ่น – พิมพา จำนวน 41 ครั้งทั้งนี้ กรมทางหลวงได้มีมาตรการแก้ไขที่ได้ดำเนินการร่วมกับตำรวจทางหลวงในการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะทุกประเภทที่วิ่งบนทางหลวงพร้อมทั้งให้แขวงทางหลวงดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยถนน ซึ่งเป็นมาตรการที่สำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้ง ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางโปรดขับขี่ด้วยความระมัดระวัง พักผ่อนให้เพียงพอก่อนการเดินทาง เพื่อความปลอดภัยของท่านและผู้ร่วมทางรวมถึงป้องกันและลดอุบัติเหตุให้ได้ประสิทธิผลอีกด้วยหากประชาชนผู้ใช้ทางต้องการแจ้งอุบัติเหตุหรือสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) สายด่วนมอเตอร์เวย์ 1586 กด 7 และตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง 15 มีนาคม 2566ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง
title
กรมทางหลวง สรุปการโจรกรรมอุปกรณ์งานทางประจำปี 2565 รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาทพบส่วนใหญ่โจรกรรมสายไฟฟ้ามากที่สุด พร้อมขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสและช่วยกันดูแลทรัพย์สินของทางราชการ

กรมทางหลวง สรุปการโจรกรรมอุปกรณ์งานทางประจำปี 2565 รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาทพบส่วนใหญ่โจรกรรมสายไฟฟ้ามากที่สุด พร้อมขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสและช่วยกันดูแลทรัพย์สินของทางราชการกรมทางหลวง โดยสำนักอำนวยความปลอดภัย ได้รายงานข้อมูลการโจรกรรมอุปกรณ์งานทางของกรมทางหลวง ประจำปี 2565 (มกราคม – ธันวาคม 2565) พบว่า อุปกรณ์งานทางถูกโจรกรรมมูลค่าทั้งสิ้น 30,627,034 บาท สำหรับทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สายไฟฟ้า จำนวน 249 แห่ง มูลค่า 13,320,279 บาท คิดเป็น 48% อุปกรณ์สัญญาณไฟจราจร จำนวน 70 แห่ง มูลค่า 1,596,021 บาท คิดเป็น 13% หม้อแปลงไฟฟ้า จำนวน 39 แห่ง มูลค่า 8,247,820 บาท คิดเป็น 7% อุปกรณ์ราวกันอันตราย จำนวน 38 แห่ง มูลค่า 1,560,421บาท คิดเป็น 7% และฝาตะแกรงเหล็ก/ท่อ จำนวน 32 แห่ง มูลค่า 2,213,619 บาท คิดเป็น 6% นอกจากนี้ หากจำแนกตามแขวงทางหลวงพบว่า พื้นที่ที่มีปัญหาการโจรกรรมอุปกรณ์งานทางเรียงลำดับตามมูลค่าความเสียหายสูงสุดได้แก่ สำนักงานทางหลวงที่ 14 (ชลบุรี) สำนักงานทางหลวงที่ 13 (กรุงเทพ) และสำนักงานทางหลวงที่ 15 (ประจวบคีรีขันธ์) ตามลำดับทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าการโจรกรรมอุปกรณ์งานทางประจำปี 2564 (มูลค่า 25,013,275 บาท) พบว่า มูลค่าอุปกรณ์งานทางได้ถูกโจรกรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งกรมทางหลวงได้มีมาตรการในการป้องกันการโจรกรรมและมาตรการเพิ่มเครือข่ายประชาสังคมในการร่วมดูแลรักษาอุปกรณ์งานทาง ถือเป็นการช่วยกันสอดส่องดูแลในแต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางและประชาชนผู้อาศัยบริเวณสองข้างทางหลวงช่วยกันดูแลทรัพย์สินของทางราชการ เพื่อให้ปัญหาการโจรกรรมทรัพย์สินงานทางและทรัพย์สินทางราชการลดลง รวมทั้ง เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินและนำไปพัฒนาทางหลวงได้ต่อไปหากประชาชนพบเห็นผู้กระทำผิดหรือสงสัยจะกระทำผิดสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง และหมวดทางหลวงในพื้นที่ทั่วประเทศ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง) และตำรวจทางหลวง 1193 ตลอด 24 ชั่วโมง 2 กุมภาพันธ์ 2566ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวง
title
กรมทางหลวงได้รับการประเมินส่วนราชการฯ ประจำปี 2565 ในระดับคุณภาพ มุ่งพัฒนาต่อเนื่องเพื่อประชาชน

นายสราวุธ  ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวงได้รับผลการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ 2565 ให้อยู่ในระดับคุณภาพ 100 คะแนนเต็ม โดยการประเมินดังกล่าวจะสามารถผลักดันการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ   ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้ดำเนินการประเมินผลการดำเนินการปฏิบัติราชการของกระทรวงและส่วนราชการในสังกัดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวทางที่สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนด ตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ 2565 เพื่อพัฒนาระบบการดำเนินงานของส่วนราชการในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของรัฐบาลให้บรรลุต่อเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ของประเทศ สำหรับตัวชี้วัดที่ใช้ในการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของกรมทางหลวง ประจำปี 2565 ได้รับผลการประเมินระดับคุณภาพ 100 คะแนนเต็ม โดยประเมินจากการดำเนินงานของ สำนักอำนวยความปลอดภัย, สำนักวิเคราะห์และตรวจสอบ และสำนักบริหารบำรุงทาง แบ่งเป็น 2 ด้าน ดังนี้ 1.การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base)                1.1 อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่อประชากรแสนคน                1.2 ร้อยละของระยะทางบนทางหลวงที่มีค่าดัชนีความขรุขระสากลของผิวทางดีกว่าเกณฑ์ที่กำหนด                1.3 จำนวนจุดเสี่ยงและบริเวณอันตรายที่ได้รับการแก้ไข 2.การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base)               2.1 การขออนุญาตให้ยานพาหนะเดินบนทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงสัมปทานผ่านระบบ Special Type Vehicles Permit Service (SVS Online)               2.2 การประเมินสถานะของหน่วยงานในการเป็นระบบราชการ 4.0 (PMQA 4.0)   ทั้งนี้ มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการดังกล่าว เป็นการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์สำหรับการปฏิบัติงาน และสามารถกำหนดเป้าหมายการดำเนินงานของกรมทางหลวงทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างเหมาะสม โดยกรมทางหลวงจะมุ่งพัฒนาและปรับปรุงการดำเนินงานให้มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้งานเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อประชาชนต่อไป